ภาวะที่ลำไส้เคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาสู่ภายนอกพบมาก บริเวณขาหนีบและบริเวณลูกอัณฑะ ในเพศชาย เกิดจากการที่ผนังบุช่องท้องมีความอ่อนแอ
และความดันภายในช่องท้องดันเอาลำไส้ออกมาตรงตำแหน่งที่ผนังบุช่องท้องที่อ่อนแอนั้น บางครั้งลำไส้อาจเคลื่อนกลับเข้าไปในช่องท้องได้ก็จะไม่มีอาการอะไร
ถ้าหากลำไส้ที่เคลื่อนออกมาแล้วกลับเข้าไปในช่องท้องไม่ได้ จะทำให้รู้สึกหน่วงๆ
เวลายืนหรือเดิน ถ้าเกิดเป็นเวลานานๆ ลำไส้เคลื่อนออกมาขาดเลือดมาเลี้ยงจะทำให้ลำไส้ตาย
และเน่าได้จะก่อให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้
ปกติอวัยวะเช่นลำไส้ ตับจะถูกปกคลุม
โดยเยื่อหุ้มช่องท้องที่เรียกว่า peritonium และมีพังผืดหรือกล้ามเนื้อหุ้มอีกชั้น เพื่อป้องกันอวัยวะภายใน ปกติจะมีรูที่ให้ท่อรังไข่
และท่อนำเชื้อในผู้ชายผ่านทางรู เมื่อมีความอ่อนแอของพังผืด
ไส้ก็จะเลื่อนออกมาที่ขาหนีบ ซึ่งมีสองชนิดคือ indirect inguinal hernia และ direct inguinal hernia
Indirect inguinal hernia
ขณะเป็นตัวอ่อนในท้อง อัณฑะจะอยู่ในช่องท้อง เมื่ออายุครรภ์ได้ 7 สัปดาห์อัณฑะจะเคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาอยู่ในถุงอัณฑะ
และรูหรือทางที่มันเคลื่อนที่จะปิด แต่เด็กผู้ชายบางคนทางเดินและรูมันไม่ปิดทำให้ลำไส้เคลื่อนสู่ถุงอัณฑะที่เราเรียกว่าไส้เลื่อนซึ่งมักจะพบในผู้ชาย
สำหรับผู้หญิงก็เกิดโรคนี้ได้เหมือนกัน โดยรูที่เปิดเกิดจากเยื่อที่ยึดมดลูก round ligament มีการเคลื่อนตัวเหมือนอัณฑะ
ไส้เลื่อนชนิดนี้พบบ่อยที่สุด
Direct inguinal hernia
ลำไส้ไม่เคลื่อนออกจากช่องท้องบริเวณพังผืดที่หย่อนที่สุด
โดยมีปัจจัยส่งเสริมคือมีความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น เช่นตับแข็งและมีน้ำในช่องท้อง
หรือพวกถุงลมโป่งพองไอมากๆ ไอเรื้อรัง คนท้อง
คนอ้วน ท้องผูก ต่อมลูกหมากโตทำให้ต้องเบ่งเมื่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงช่วยให้เกิดไส้เลื่อน
อาการ
มีก้อนที่บริเวณขาหนีบ จะโตขึ้นเวลายกของหนักหรือไอแรงๆจะทำให้ก้อนโผล่ออกมา
และอาจจะรู้สึกมีเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้เหมือนเวลาเราหิวข้าว เมื่อนอนลง หรือจับก้อนยัดเข้าไปในรูก้อนจะหายไป
อาการที่ควรมาพบแพทย์
ปวดปวดบริเวณไส้เลื่อน ก้อนดันกลับเข้าช่องท้องไม่ได้ ปวดท้องและท้องอืด ไม่ผายลม
โรคแทรกซ้อน
- Incarcerated
hernia เป็นภาวะที่ลำไส้เคลื่อนออกมาแล้วไม่สามารถดันกลับเข้าไปในช่องท้อง
- Bowel
obstruction
เกิดเมื่ออุจาระไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้นี้ไปได้ผู้ป่วยจะปวดท้องมวนๆ คลื่นไส้อาเจียน ท้องอืดไม่ผายลม
ด้วยการทำให้ร่างกายฟิตอยู่เสมอ
ออกกำลังกายถูกวิธี รักษาสภาวะโครงสร้างร่างกายให้สมดุล
บริหารร่างกายแบบที่ได้ระบบการหายใจและการไหลเวียนของเลือด และบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะมัดด้วย
เน้นกล้ามเนื้อมัดลึก มัดที่เป็นหลักในการทำให้โครงสร้างมั่นคง
พยุงส่วนอวัยวะต่างๆ ไว้ เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหลังชั้นลึก
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
การรักษา
1.ระยะแรก
ดูแลรักษาด้วยตัวเอง ได้แก่ การบริหารร่างกาย
โดยเฉพาะการออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าท้อง ซึ่งต้องเป็นการบริหารเฉพาะมัดกล้ามเนื้อ
แต่ไม่ให้เกิดแรงดันมากที่ช่องท้อง
เพราะจะทำให้เกิดแรงดันให้ไส้เลื่อนมามากกว่าเดิม
ต้องได้รับคำแนะนำจากนักกายภายบำบัด
หลีกเลี่ยงการเกิดแรงดันมากที่ช่องท้อง
ได้แก่
ไม่ไอ/จามแรงๆ หากต้องไอต้องประคองหน้าท้องเอาไว้ ไม่ยกของหนักจนเกินไป
กินอาหารประเภทผักผลไม้ให้มาก กินไขมันน้อย ลดการสะสมไขมันหน้าท้องเพราะจะทำให้อ่อนแรงมากขึ้น
2.การผ่าตัด มี 2 แบบ
1.Herniorrhaphyผ่าตัดบริเวณไส้เลื่อนเมื่อนำไส้กลับเข้าในช่องท้องแล้วก็เย็บซ่อมรูหรือจุดอ่อน
2. Hernioplasty วิธีนี้จะใช้แผ่นสารสังเคราะห์เย็บปิดรูหรือจุดอ่อน วัสดุโครงร่างช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่
เรียกว่า Mesh graft เพื่อช่วยผู้ป่วยผ่าตัดไส้เลื่อน
ผลิตจากพอลิเมอร์สังเคราะห์
มีลักษณะเป็นร่างแหสำหรับใช้ในการปกคลุมแผลผ่าตัดแทนการใช้เนื้อจากผนังช่องท้องของผู้ป่วยมาปิด
พอลิเมอร์ชนิดนี้จะกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาห่อหุ้มบริเวณแผลผ่าตัดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
และวัสดุดังกล่าวจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อใหม่ทันที โดยไม่เกิดพิษใดๆ อัตราการกลับเป็นซ้ำของโรคลดลงถึงร้อยละ 1-10
รพ.อานันทมหิดล ยังไม่มีการใช้กล้องผ่าตัด โรคนี้นะค่ะ เพราะไม่คุ้มค่า โอกาสเกิดใหม่ได้มากกว่าการผ่าแบบ เปิดบริเวณขาหนีบ แผลไม่น่าเกิน 2 นิ้วค่ะ มีผู้ป่วยมาผ่าตัดกันเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัว คุณหมอ คุณพยาบาล ใจดี ทุกคนค่ะ
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดและเมื่อกลับบ้าน
1.ไม่ให้แผลเปียกชื้น จนกว่าจะตัดไหม
2. ห้ามแกะ เกา ล้วงบริเวณแผล
เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ หรือเป็นหนอง
3. ขณะไอหรือจามให้ใช้ฝ่ามือ
หรือผ้าหนานุ่มกดประคองแผลได้
4.หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ
5. ห้ามทำงานหนัก หรือยกของหนัก อย่างน้อย 2 เดือน
6.ดูและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถ้าเป็นหวัด เจ็บคอ
หรือไอจามบ่อยๆ ควรรีบพบแพทย์
7.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ รวมทั้งผัก
ผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ เพื่อไม่ให้ท้องผูก
8.ควรใส่กางเกงในที่กระชับ
หรือสปอร์ตเตอร์สำหรับนักกีฬา เพื่อช่วยประคองแผล ลดความเจ็บปวด
9. ถ้ามีอาการปวดแผลมาก
ควรรับประทานยาบรรเทาปวดตามแพทย์สั่ง
10.ควรสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น
มีไส้เลื่อนเกิดซ้ำ แผลแยกหรือบวม แผลมีน้ำเหลืองซึม มีไข้ ปวดท้อง
ให้รีบมาพบแพทย์
พบกันใหม่ เรื่องต่อไปนะค่ะ
แต่เดิมเป็นคนที่ออกกำลังกายโดยการยกเวท สร้างกล้ามเนื้อ ถ้าผ่าตัดแล้วพักรักษาตัว6เดือน จะกลับไปเล่นเวทได้อีกหรือไม่คะ
ตอบลบ